จากภาค1 ได้พูดถึงสกุลหลัก ๆ ไปแล้ว 3 สกุล คือ หวาย แคทรียา และแวนดา
ในภาคนี้จะพูดถึงออนซิเดียม แกรมมาโต และฟาแลนอปซิล ครับ
ออนซิเดียม หากพูดชื่อนี้หลายคนอาจจะไม่รู้จัก แต่ถ้าบอกว่าเป็นตุ๊กตาเริงระบำ บางคนอาจจะร้อง อ๋อ! และเคยเห็นกันมาบ้าง ลักษณะต้นจะอวบอ้วน ดอกเหมือนกับตุ๊กตาใส่กระโปรง จึงเป็นที่มาของชื่อ ตุ๊กตาเริงระบำ เริ่มต้นจะพบแต่พันธุ์ที่มีดอกสีเหลือง ต่อมาเริ่มมีสีหลากหลายมากขึ้น จนตอนนี้มีพันธุ์แคระดอกเล็ก ๆ แล้ว ดอกออกง่าย ออกมากช่วงฤดูหนาว ต้องการแสงแดดมากพอสมควร แต่ไม่ใช่กลางแดดนะครับ ปลูกเลี้ยงกับกาบมะพร้าวสับทั่วไป
แกรมมาโต เป็นกลุ่มที่มีต้นใหญ่มาก และจะไม่ออกดอกจนกว่าจะเจริญเต็มที่ สามารถให้ดอกยาวประมาณ 1 เมตร สายพันธุ์ไทยที่รู้จักกันดีก็คือ เพชรหึง ซึ่งเป็นกล้วยไม้ที่ใหญ่ที่สุดในโลก เลี้ยงดูง่าย ตายยาก แต่ก็ออกดอกยาก และมีราคาสูง
ฟาแลนอปซิส หรือ ฟาแลน เป็นกล้วยไม้ที่เลี้ยงค่อนข้างยาก ต้องระวังเรื่องความชื้นไม่ให้สูงเกินไปเพราะจะทำให้เน่าได้ง่าย เป็นกล้วยไม้ที่มีดอกค่อนข้างทน สวยงามสะดุดตา
สรุป การเลี้ยงกล้วยไม้
การปลูกด้วยกาบมะพร้าวหรือถ่านทุบหรืออิฐมอญทุบ ได้แก่ สกุลหวาย แคทรียา ออนซิเดียม แกรมมาโต และฟาแลนอบซิส
ไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องปลูก คือสกุลแวนดา
ทุกชนิดสามารถปลูกติดกับต้นไม้ได้
หลีกเลี่ยงน้ำขังบนยอดเพราะจะทำให้ต้นเน่าได้ง่าย ควรฉีดพ่นยาป้องกันเชื้อราช่วงที่มีฝนตกบ่อย ๆ
กล้วยไม้ทุกชนิดต้องการแสงแดด ไม่ควรไว้ในร่มเกินไปเพราะจะทำให้ต้นอ่อนแอ และไม่ออกดอก
ภาคต่อไปจะเป็นกล้วยไม้ป่าสายพันธุ์ต่าง ๆ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น